ความลับของคลีนิค คลินิกสัตว์ คลินิกคน
คลินิกสัตว์ คลินิกคน ความลับของคลีนิค โดยพรทิพย์ ปริมิตร เจ้าของ www.สุนัขไทยหลังอาน.com โทร 0871763192 LINE ID:porntip9119
บทความนี้สร้างจากเรื่องจริง ด้วยมุมมองของผู้บริโภคที่รับบริการจากคลีนิคคน คลีนิคสัตว์ มาหลายสิบปี


ปัจจุบัน คลีนิคสัตว์ ได้เกิดขึ้นมากมาย ทุกซอกซอย เพราะ กระแสคนเลี้ยงสัตว์ เฟื่องฟูอย่างมาก ซึ่งก็คงไม่ต่างจากคลีนิคคน และ คลินิกสัตว์ ก็เลี้ยนแบบโมเดลการสร้างรายได้ จากคลีนิคคน มาด้วยเช่นกัน
การเลี้ยงสุนัขและแมวในปัจจุบัน เป็นการเลี้ยงแบบพรีเมี่ยม อาหารการกินใช้ของดี มียี่ห้อ เสื้อผ้า ของเล่นสัตว์หาซื้อได้ง่าย และเมื่อป่วย ซึม เบื่ออาหาร ท้องร่วง เจ้าของก็จะพาไปคลินิค ซึ่ง เลี้ยงไม่ต่างจากลูก
แต่คลีนิคสัตว์เลี้ยงจะแฟร์ ต่อผู้ใช้บริการไหม ยังไม่มีใครการันตีได้ เพราะขนาดคลีนิคคนที่มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ก็ยังถูกเอาเปรียบ อยู่เนืองๆ สังคมไม่มีระบบตรวจสอบคลีนิค
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว คลีนิคคน ทำกำไรจากสังคมได้มหาศาล เพราะ เป็นวิชาชีพที่ใช้วิชาลึกซึ้ง ไม่มีใครเลียนแบบได้ หมอเพียงน้อยนิด มี ออเดอร์ จากผู้คนในสังคมมหาศาล ดังจะเห็นผู้คนนั่งรอหมอตรวจหน้าคลินิกล้นหลาม โรงพบาบาลรัฐ มีคนรอคิวตั้งแต่ตี 5 เพื่อหวังได้ตรวจช่วง สายๆ ทั้งมีกฎหมายคุ้มครองหมอ มิให้มีใครมาแย่งส่วนแบ่งการตลาดอีกด้วย ดังที่เราจะเห็นได้ว่า พยาบาล จำนวนมาก ที่เปิดคลีนิคเอง ก็ถูกจับกุม ปิดทำลาย ข้อหา ไม่มีใบอนุญาต ทั้งที่โรคเล็กๆ น้อยๆ พยาบาลก็รักษาให้หายได้
ในเรื่องใบอนุญาต เหตุผลของมันคือ คุ้มครองประชาชนมิให้ถูกรักษาผิดๆถูกๆ โดยคนที่ไม่มีวิชาแท้จริง แต่เหตุผลที่สำคัญกว่า คือ การคุ้มครองวิชาชีพของหมอให้ มีรายได้สูง การเป็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่รับออเดอร์จากสังคมมากๆ ก็ร่ำรวยในที่สุด เรียกว่า สูบเต็มปอด ทั้งยังรักษาส่วนแบ่งทางตลาดของโรงพยาบาลใหญ่ๆให้มีรายได้สูง อีกด้วย
โรงพยาบาลใหญ่ๆ มักจะขายยี่ห้อโรงพยาบาล เครื่องมือหมอที่ไฮเทคและครบครัน ป่วยขนาดไหนก็มีเครื่องมือพร้อมมูล แม้ราคาจะแพงหูฉี่ นอนคืนละ 10000 บาท แต่คนรวยก็ยอมจ่าย เพราะชีวิตมีค่ากว่าเงินทองที่ออมไว้
คลีนิคเล็กๆ ก็รับรักษาทุกโรค โรคไหนหนักๆก็ส่งต่อเป็น ออเดอร์ ไปยังโรงพยาบาลที่มีคอนเนคชั่น (อาจจะมีค่านายหน้าด้วยซ้ำ) ถ้าเป็นโรคเบาๆ ก็รักษาที่คลีนิคเลย
การไม่ออกใบเสร็จ เห็นจะเป็นกันทุกคลีนิค ไม่ว่า คลีนิคคน คลีนิคสัตว์ คลีนิคฟัน ก็ล้วนแต่ บอกราคาด้วยปาก ทั้งสิ้น เหตุนี้เอง เงินจึงเข้าคลีนิคโดยไม่ต้องเสียภาษี และ คลีนิคคู่แข่งก็ตัดราคาไม่ได้ เพราะ ข้อมูลเรื่องราคา ไม่ถูกระบุเป็นอักษร เช่น รับยา 5 อย่าง ราคา 5000 บาท คนไข้จะรู้แค่นั้น การตัดราคาระหว่างร้านค้า สินค้า บริการ มันจะทำให้ราคาถูกลง และ เกิดการแข่งขัน แต่กลไกการตัดราคาในวงการแพทย์ แทบจะไม่มีเลย เทียบกับซื้อของที่ 7/11 ไม่ได้ ที่ต้องให้ใบเสร็จ ทุกครั้ง ทุกสิ่งอย่าง
การตัดราคา ระหว่างคลีนิค เป็นหัวใจของการช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าผู้บริโภค
เช่น เราซื้อปุ๋ย มา 100 บาท ร้านข้างๆ ขายเหมือนเรา แต่ขาย 90 บาท เราก็ต้องขาย 80 บาท เพื่อแย่งลูกค้าคืนมา ผู้บริโภคได้จ่าย 80 บาท จากที่เคยจ่าย 100 บาท ก็ประหยัดไป 20 บาท เพราะ เขาตัดราคากัน
แต่ในวงการคลินิก ราคายา ราคาค่าบริการ จิปาถะไม่มีทางระบุออกมา เพราะ มันไม่มีใบเสร็จ หรือ จะมีใบเสร็จก็เป็น ใบเสร็จยอดรวม ซึ่งข้อมูลเรื่องราคาไม่หลุดออกมาเลย
ส่วนการวินิจฉัยโรคนั้น สำคัญที่สุด สำคัญกว่าตัวหมอ ตัวเครื่องมือการแพทย์ด้วยซ้ำ เช่น ถ้าหมอฟันธง ว่าคุณเป็นโรคอะไร บอกแก่คุณ แล้วรักษาคุณให้หาย หรือ คุณจะไปรักษาที่อื่น ก็ได้ เรียกว่าคุณมีบุญที่เจอคนดี
แต่ส่วนมากไม่ได้เป็นเช่นนั้น เราแบ่งได้เป็น 3 ประเภท
1.คุณหมอจริงใจ ใช้วิชาการที่มี บอกคุณว่าคุณป่วยอะไรจริงๆ แล้วรักษาคุณให้หาย นัดมา เท่าที่จำเป็น ไม่ปั๊มยอด เปิดเผยข้อมูลทุกอย่าง ส่วนคุณจะทานยาตรงเวลาหรือไม่ จะมาตามนัดหรือไม่ เป็นเรื่องของคุณ หรือ คุณจะไปคลินิกอื่น หรือ ไปแค่ร้านขายยา ก็ตามจะเลือก ถือว่าหมอทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว
2.คุณหมอหมกเม็ด คือ ตรวจแล้ว ไม่บอกว่าคุณป่วยอะไร แต่บันทึกประวัติเอาไว้แบบส่วนตัว บอกกว้างๆ ว่าต้องใช้ยา 3 ตัว และ นัดให้มีตรวจครั้งหน้า เหตุผลเดียวที่หมอไม่บอกคนไข้ว่าป่วยอะไร ก็เพราะ ทันทีที่ฟันธง คนไข้ก็จะเดินไป ร้านขายยาข้างๆ บอกโรค รับยาที่ร้านขายยาราคาถูก จะทำให้คนป่วย ประหยัดเงินได้มาก แต่คลินิกจะเสียรายได้
3.คุณหมอโกหก เลี้ยงไข้ และปั๊มยอด คือ คุณป่วยไหม ป่วยอะไร หมอรู้คนเดียว แล้วไล่ต้อนเอาค่ารักษา แต่งเรื่องยังไงก็ได้ ปั๊มยอดเท่าไรก็ได้ ปั๊มค่ายา ค่าเครื่องมือไปเรื่อยๆ ยิ่งป่วยเรื้อรังยิ่งดี จะมีรายได้ต่อเนื่อง ใครเจอคลินิกแบบนี้ เรียกว่า โชคไม่ดี
นอกจากนี้ ยาที่รับจากคลีนิค ถ้าใช้หมดก็ต้องกลับมาที่คลีนิคเดิม เพราะ ยาเป็นสูตรเฉพาะของคลีนิค ไม่ระบุตัวยา หรือ ใช้ยายี่ห้อฝรั่ง แต่ก็หาซื้อตามร้านขายยาไม่ได้ สุดท้าย คนไข้ก็ต้องกลับมาที่คลีนิคเดิม และ โดน ชาตกำไร ปั๊มยอดแบบเดิมๆ
ผู้บริโภคพึงสังวรไว้ ว่า คุณไม่ได้รับใบเสร็จ คุณได้ยาไม่ระบุตัวยา คุณได้ยายี่ห้อแปลกๆที่ร้านขายยาใหญ่ๆก็ไม่มีขาย คุณไม่ได้รับการแจ้งว่าคุณเป็นโรคอะไร คุณกำลังถูกปั๊มยอดอยู่หรือไม่ คุณกำลังจะพ้นจากอาการเจ็บป่วยหรือ เพิ่มอาการเจ็บป่วย ก็ไม่มีใครทราบได้
คลินิกสัตว์ ไม่ต่างจากคลินิกคน เพราะ เป็นวิชาลึกซึ้ง มีเทคนิคปั๊มยอดจากผู้เลี้ยงสัตว์ไม่ต่างจากคลินิกคน
นี่ยังไม่รวมเรื่อง หมอวินิจฉัยผิด แต่คนไข้จ่ายเงินไปเรื่อยๆ ฟรีๆ นะคะ
เพียงแต่คลินิกสัตว์ เพิ่งจะกำเนิดเฟื่องฟูขึ้นเท่านั้น ถ้าสังคมตรวจสอบคลีนิคสัตว์ไม่ได้ อีกสิบปี ก็ไม่ต่างจากคลินิกคน
สรุปคือ ถ้าเจอคลินิกดีก็แล้วไป แต่ถ้าเจอคลินิกปั๊มยอดขาย เขาก็หาทางสูบเงินในกระเป๋าคุณจนได้
